ศิลปะจีนโบราณการคัดลายมือด้วยพู่กัน (สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือ)

อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับบันทึกในสมัยโบราณของประเทศจีน ได้แก่… พู่กัน, จานหมึก, หมึก และกระดาษ ได้กลายมาเป็นสมบัติอันล้ำค่า มีความพิเศษในแต่ละยุคสมัย แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น อันประกอบด้วยการใช้วัสดุ , เทคนิคการประดิษฐ์, การตกแต่งด้วยศิลปะอันหลากหลาย ซึ่งมีความแตกต่างกันไป

สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือ 1 :: พู่กัน

  • ย้อนไปในสมัยราชวงศ์หยวน พู่กันจากเมืองหูโจวมีชื่อเสียงโด่งดังลือลั่นไปทุกหย่อมหญ้า เรียกว่า ‘หูปี่’ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ปลายแหลม , ขนเรียบ , หัวกลม และแข็งแรงมาก ด้วยการใช้ขนแกะ , กระต่าย และอีเห็น มาผ่านกรรมวิธีสร้างสรรค์ ถึง 17 ขั้นตอน !
  • พู่กันพิเศษใช้กันในวัง คือ ‘อวี้ปี่’ เลือกแต่ขนสัตว์ที่ยอดเยี่ยมมาทำเท่านั้น หัวพู่กันทำออกมาในลักษณะยาวมาก เพื่อให้อุ้มน้ำหมึกได้มาก ตัวด้ามทำจากไผ่สลักลวดลายสวยงามอ่อนช้อย แท่งทำมาหยก , งาช้าง , ทอง และอื่นๆ อีกมากมาย
  • ‘พู่กันลายหงส์มังกร’ ได้รับความนิยมมากในสมัยราชวงศ์หมิง ตัวด้ามเลี่ยมทอง ทำให้ดูหรูหรา ส่วนหัวพู่กัน สีขนมีความมันวาว กลม และแข็งแรง

สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือ 2 :: จานหมึก

  • จานหมึกที่มีชื่อว่า ‘เฉิงหนี’ มีชื่อเสียงมากในสมัยราชวงศ์ถัง วิธีทำที่ค่อนข้างพิสดาร เริ่มจากนำถุงผ้าแพรเปล่าจมลงไปไว้ที่ก้นแม่น้ำเฝิน เป็นเวลา 1 ปี แล้วค่อยนำถุงขึ้นจากแม่น้ำ เพื่อนำดินทรายที่ถูกดักไว้ในถุงมาทำจานหมึกดินเผา
  • จานหมึกที่ทำมาจากหิน ‘เหล่าเคิง’ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหินเนื้อดีที่สุด คุณสมบัติพิเศษของจานชนิดนี้ คือ แม้ในฤดูหนาว น้ำหมึกจะไม่แห้ง และลวดลายหินสวยงามมาก

สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือ 3 :: หมึกจีน

สุดยอดแห่งหมึกมีนามว่า ‘หลี่โม่’ เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์หนันถัง โดยหมึกชนิดนี้ มีการผสมกาวที่ทำจากเขากวาง ใส่ลงไปในแท่งหมึกด้วย ทำให้แท่งหมึกมีความเนียนละเอียด เขียนแล้วหมึกเป็นมันวาวแลดูสวยงามจริงๆ

แท่งหมึกจีน แบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่…

  • แท่งหมึกธรรมดา
  • แท่งหมึกบรรณาการ
  • แท่งหมึกหลวง
  • แท่งหมึกทำกันเอง
  • แท่งหมึกสำหรับสะสม
  • แท่งหมึกของฝาก
  • แท่งหมึกสมุนไพร

สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือ 4 :: กระดาษ

ถ้าไม่มีการค้นพบกระดาษ โลกในอดีตก็คงขาดสิ่งที่ใช้บันทึกเหตุการณ์ ไปนานหลายร้อยหลายพันปีเลยทีเดียว นี่คือสิ่งประดิษฐ์ของชาวจีนอันล้ำค่า สำหรับขั้นตอนการทำกระดาษสมัยราชวงศ์ฮั่น ได้พัฒนากลายมาเป็นเทคนิคการทำกระดาษในยุคปัจจุบันนี้นั่นเอง

ประวัติของรูปภาพ starry night ผลงานศิลปะระดับโลก

ศิลปะที่อยู่คู่กับสังคมของเรามาตั้งแต่สมัยโบราณนานมากที่คอยแต่งเติมสีสันเพื่อให้โลกของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ซึ่งผลงานศิลปะเองก็สามารถแตกแยกย่อยออกไปได้หลายต่อหลายแขนง หนึ่งในแขนงหนึ่งของศิลปะนั่นก็คือรูปภาพนั่นเอง ซึ่งในบทความนี้เราก็จะพาทุกท่านมารู้จักกับผลงานที่เป็นศิลปะระดับโลกที่ได้รับการรับยอมไปทั่วโลก นั่นก็คือรูปภาพที่มีชื่อว่า starry night ว่าสิ่งใดที่ส่งให้ผลงานศิลปะชิ้นนี้ถึงเข้ามาครองใจเหล่านักชื่นชมศิลปะทั่วโลกอย่างนี้ หากพร้อมแล้วเราก็มาเจาะลึกถึงประวัติความเป็นมาของผลงานศิลปะชิ้นนี้ไปพร้อมกันเลย

ผลงานอย่าง starry night เป็นผลงานที่สร้างชื่อสร้างผลงานไปทั่วโลก ชื่อ starry night หรือที่แปลมาเป็นภาษาไทยคือ ราตรีประดับดาว หรือ คืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว ผลงานนี้ได้ถูกสร้างสรรค์ด้วยเทคนิคสีน้ำมันที่ถูกเขียนลงบนผ้าใบโดยศิลปินชื่อดังอย่าง ฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค หรือที่เรารู้จักกันในชื่อแวนโก๊ะ จิตรกรชื่อดังชาวดัตช์ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าภาพนี้เป็นภาพที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ปัจจุบันนี้ภาพนี้ได้ถูกจัดแสดงขึ้นที่ Museum of Modern Art ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งภาพนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1889 ซึ่งภาพนี้ก็ได้บรรยายสื่อแสดงให้เห็นถึงบรรยากาศยามค่ำคืน ที่ท้องฟ้าในภาพนั้นเต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นเองภาพนี้ก็ไม่ได้ถูกเขียนขึ้น ณ ขณะนั้น แต่แวนโก๊ะได้สร้างสรรค์ผลงานนี้ขึ้นตอนกลางวันที่เป็นความทรงจำในจินตนาการ แต่ผลงานก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนดังกับถูกวาดขึ้น ณ ตอนนั้นจริงๆ ว่ากันว่าผลงานชิ้นนี้ของแวนโก๊ะได้ถูกถ่ายทอดขึ้นตอนที่แวนโก๊ะเองก็ประสบกับปัญหาชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก เขาจึงได้ถ่ายทอดผลงานนี้ออกมาเพื่อให้ผลงานนั้นสื่อให้เห็นถึงจินตนาการที่หลุดลอยออกไปไกลแสนไกลเหมือนกับจิตวิญญาณที่ออกจากหน้าต่างบานนั้นดังเช่นในภาพที่เขาเขียนขึ้น เป็นภาพในจินตนาการของเขาที่เขาอยากให้กลายเป็นจริง

มาถึงทุกวันนี้ผลงานของเขาได้โด่งดังมากในเรื่องของความเรียบง่ายในชีวิต เพราะใครบ้างจะรู้ว่าผลงานต่างๆ ที่แวนโก๊ะถ่ายทอดออกมาผ่านความเรียบง่ายนั้นจะสามารถสื่อถึงปรัชญาสัจธรรมของชีวิตของมนุษย์อย่างเราได้มากมายขนาดนี้ นี้คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทั่วจดจำผลงานของเขาในฐานะศิลปินเอกระดับโลกคนหนึ่ง มาถึงตรงนี้เองหลายคนก็คงจะได้รู้จักกับผลงานของแวนโก๊ะมากขึ้นจนผลงานของเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป

ผลงานศิลปะระดับโลกที่เราต้องไปรู้จัก

ศิลปินระดับโลกสิ่งที่เป็นตัวบอกว่า เค้าคือของจริง นั่นคือผลงานศิลปะของพวกเค้าเอง ผลงานศิลปะของศิลปินระดับโลกพวกนี้แม้จะผ่านไปร้อยกว่าปีผลงานของพวกเค้ายังมีคุณค่า ยังสวย ยังดูมีพลังอยู่เลย เราจะพาไปดู ไปรู้จักกันว่า ผลงานระดับโลกของเล่าศิลปิน มีผลงานชิ้นไหนบ้าง

The last supper

ผลงานโด่งดังชิ้นแรก เราขอเริ่มจาก ดาร์วินชี กันก่อนศิลปินคนนี้จริงๆ มีผลงานอันลือลั่นมากกมาย หนึ่งคือภาพสาวสวยรอยยิ้มยั่วยวน เชื้อเชิญอย่าง โมนาลิซ่า แต่อีกหนึ่งผลงานเราอยากพูดถึงจากฝีมือของ ดาร์วินชี คือ The last supper ผลงานภาพเขียนบอกเล่าเรื่องราวอาหารเย็นมื้อสุดท้ายของพระเยซู ภาพนี้นอกจากความสวยงามยังมีผลต่อประวัติศาสตร์ด้วย

Guernica

คนต่อมา ปีกัสโซ เราเคยได้ยินชื่อศิลปินคนนี้มานาน เอาเข้าจริงผลงานของ ปีกัสโซ มีมากมายเลย เนื่องจากเค้ามีการเปลี่ยนแปลงวิธีการสร้างสรรค์งานหลายแบบ เช่น boy with a pipe ภาพเด็กหนุ่มถือไปป์ฉากหลักเป็นดอกไม้ ผลงานจากยุคเน้นสีชมพู แต่ผลงานสร้างชื่อจริงต้องเป็น Guernica ผลงานสะท้อนความเจ็บปวดของสงครามด้วยการวาดภาพสไตล์คิวบิสม์ อาจจะดูยาก แต่กลับมีดูน่าสนใจ

รูปปั้น เดวิด

รูปปั้นเป็นงานปะติมากรรมอีกกลุ่มหนึ่งที่หาชมได้ยากมาก เนื่องจากการเก็บรักษาต้องละเอียดมาก ยังไม่นับการแกะสลักที่ใช้ความปราณีต สูงมากไม่งั้นมันจะพังไปหมด หนึ่งในรูปปั้นที่มีชื่อเสียงสุด ต้องเป็นรูปปั้น เดวิด รูปปั้นเปลือยชายขนาดใหญ่จากฝีมือของ ไมเคิลแองเจโล เค้ามีฝีมือโดดเด่นทางด้านนี้

The Starry Night

แวนโก๊ะ อีกหนึ่งศิลปินชื่อก้องโลก แม้ว่าเราเพิ่งจะรู้ความยอดเยี่ยมผลงานของเค้าเมื่อตอนตายไปแล้วก็ตาม หนึ่งในผลงานดีที่สุดของเค้า คือภาพวาดชื่อว่า The Starry Night ภาพวาดที่บอกเล่าเรื่องราวตอนกลางคืน ความปั่นป่วนของท้องฟ้า ความขมุกขมัวของสีฟ้า สีดำ สีเหลือง(ดวงจันทร์,ดวงดาว) นับว่าเป็นสิ่งหายาก

Water Lilies

งานศิลปะบางสาขา แม้ว่าเราจะมองย้อนกลับไปต้องชื่นชมในความกล้าหาญแหวกขนบธรรมเนียมประเพณีได้ แต่สมัยนั้นการทำอะไรแปลกแยกออกไปจะโดนต่อต้านเยอะมาก โกลด มอแน ก็เป็นอีกคนที่โดนเช่นกัน เค้าเป็นผู้ริเริ่มศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ ตอนนั้นไม่มีสนับสนุนผลงานของเค้าเลย จนกระทั่งเค้าเสียชีวิตไปนั่นแหละผลงานเค้าถึงจะเริ่มดัง ชุดผลงานชื่อว่า Water Lilies ภาพวาดท้องน้ำกับดอกไม้ วาดชัดจนดูเหมือนทำมาจากภาพถ่าย ต้นแบบภาพใช้ฉากจากสวนดอกไม้หลังบ้านเป็นภาพได้รับความนิยมอย่างมากของเค้า ลองไปค้นดูภาพเหล่านี้ได้จากกูเกิ้ล

สุดยอดเทพจิตรกรของโลกมีใครกันบ้าง

ผลงานทางด้านศิลปะแม้ว่าจะมีความยากในการดู การเสพ เนื่องจากคนเรามีความชอบไม่เหมือนกัน แต่ศิลปินบางคนก็สร้างผลงานที่มีชื่อเสียงระดับโลกจนเป็นที่กล่าวขานมาเป็นร้อยปี โลกของเราใบนี้เคยตอนรับศิลปินมากมาย มาดูกันว่าสุดยอดเทพจิตรกรระดับโลกเคยมีมา มีใครกันบ้าง

ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี

คนแรกเป็นจิตรกรชาวอิตาลี จากเมืองฟลอเรนส์ เค้าคือ ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี ผลงานของเค้าฝากไว้ให้โลกได้จดจำมากมายเค้าได้รับการยกย่องให้เป็นจิตรกระดับโล กตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบขวบดีด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ผลงานของเค้าจะเกิดขึ้นในยุคเรเนสซองส์ ดาร์วินชี ผลงานของเค้าจะอยู่ในช่วงตอนเค้าอาศัยในเมืองมิลานมากกว่า ผลงานสร้างชื่อของเค้า ต้องภาพหญิงสาวนามว่า โมนาลิซ่า อย่างแน่นอน ภาพนี้ถูกเล่าขานเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้เลย

ปีกัสโซ

ปาโบล ปีกัสโซ ชื่อนี้คนอยู่แวดวงศิลปะรู้จักกันดี หรือบุคคลทั่วไปก็ต้องเคยผ่านหู ผ่านตาชื่อศิลปินเอกของโลกคนนี้มาบ้าง เค้าเป็นศิลปินเชื้อสายสเปนเต็มตัว การทำงานของปีกัสโซ มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยด้วย ไม่ว่าจะเป็นผลงานช่วงยุคสีน้ำเงิน (วาดภาพด้วยการใช้สีโทนฟ้าอมเขียว) ยุคสีชมพู(วาดภาพด้วยโทนสีชมพูกับแดง) มาจนถึงยุคเรียกได้ว่าคิวบิสม์ งานศิลป์ยุคใหม่ที่มีการผสมผสานศิลปะสายแอฟริกาเข้ามาด้วย ผลงานต้องดูชื่อว่า Guernica ผลงานสะท้อนอาการบาดเจ็บจากสงคราม

ไมเคิล แองเจโล

คนนี้เป็นศิลปินที่เก่งไม่แพ้ใคร ไมเคิลแองเจโล นอกจากจะเป็นศิลปิน เค้ายังมีความสามารถด้านประติมากร สถาปนิกด้วย เค้าได้รับการยอมรับอย่างยิ่งใหญ่ในยุคนั้น (ยุคเรเนสซองส์) ผลงานของเค้าจะเป็นภาพปะติมากรรม พวกงานปูนปั้น งานแกะสลักขนาดใหญ่ ผลงานสร้างชื่อจะเป็นภาพแกะสลักขนาดใหญ่ชื่อว่า เดวิด เป็นงานปะติมากรรมเปลือยชาย นอกจากนั้นภาพเขียนเค้าก็ทำได้ดีเหมือนกัน

วินเซนต์ แวนโก๊ะ

บ้านเราเพิ่งจะฮือฮากันไปกับการค้นพบภาพของวิเซนต์ แวนโก๊ะ ศิลปินชื่อดังผลงานของเค้าจะเป็นภาพวาดที่เน้นอารมณ์ ความรู้สึกแบบจัดเต็ม ยืนดูยังรับรู้ถึงอารมณ์ของภาพได้ ชีวิตของแวนโก๊ะเหมือนตลกร้ายอันขมขื่นเอาแค่ชีวิตต้องลำบากมาตลอดชีวิตก็ว่าแย่แล้ว ผลงานของเค้ากลับได้รับความนิยมเมื่อเค้าตายไปอีกอะไรมันจะแย่ขนาดนั้น ภาพ The Starry Night คือผลงานสร้างชื่อ

แรมบรันต์

คนนี้เป็นศิลปินจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เราอาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อจิตรกรคนนี้มากนัก ผลงานของเค้ามีความโดดเด่นเรื่องของแสงเงา หากไม่นับกล้องถ่ายภาพ ผลงานของเค้าสร้างมิติแนวลึกของภาพได้ดีกว่าใครในยุคนั้น ลองหาชื่อผลงานว่า The Night Watch ดูสิ รับรองว่าอึ้งแน่

ภาพจิตรกรรมรามเกียรติ์วัดพระแก้ว เขียนเพื่ออะไรกันแน่

ภาพงดงามบนฝาผนังวัดพระแก้วเป็นเรื่องราวรามเกียรติ์ระหว่างพระราม และทศกัณฑ์ บ้างก็ว่าจิตรกรรมในวัดเปรียบดั่งคำสอนระหว่างธรรมะกับอธรรม แต่หากมองให้ลึกลงไปจะเห็นว่านั่นคือจิตรกรรมที่สะท้อนถึงกิจวัตร ขนบธรรมเนียม ประเพณีของราชสำนักสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่คนรุ่นเก่าบันทึกไว้เป็นภาพวาด จากความหมายของภาพอันมีเรื่องราวพระรามเป็นหลัก หมายถึง “เกียรติของพระราม” สอดคล้องกับเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ซึ่งคนรุ่นเก่าถ่ายทอดเป็นภาพวาดอันวิจิตรตระการตา

ความเข้าใจของภาพจิตรกรรมรามเกียรติ์วัดพระแก้ว

จิตรกรรมวาดภาพไร้จุดเริ่มต้น และเรื่องราวที่สัมพันธ์กัน เพราะจุดเริ่มต้นของรามเกียรติ์ คือ ยักษ์นนทก และพระนารายณ์บนสรวงสวรรค์เกิดเป็นทศกัณฑ์และพระราม ต้องเป็นภาพแรกเริ่มในฝาผนังแต่กลับวาดไว้ในผนังที่ซุ้มประตูต่างๆ ซึ่งไม่โดดเด่น และไม่สัมพันธ์เชื่อมกับส่วนอื่นๆ หรือภาพกำเนิดนางสีดาวาดที่ผนังระเบียงคด แต่กลับเป็นภาพของ “พระราม” ในราชสำนักมากกว่า

  1. ภาพจิตรกรรมไม่ได้เน้นประเด็นหลักในเนื้อเรื่อง จากการวางโครงภาพตำแหน่งศูนย์กลางขนาดใหญ่ หรือวางตำแหน่งของภาพให้อยู่ในระดับสายตาที่มองเห็นชัดกว่า หมายถึงการให้ความสำคัญของส่วนประกอบต่างกันในแต่ละตอนส่วนใหญ่ภาพที่โดดเด่นที่สุดคือ ชีวิตในพระราชวัง แสดงกิจกรรมต่างๆ ของกษัตริย์ เช่น วางแผนการรบ ปรึกษากับเหล่าเสนา ถูกจัดให้อยู่ศูนย์กลางของภาพที่หยิบยกให้เด่นชัดกว่าเนื้อเรื่องสำคัญของวรรณคดี สังเกตได้จากตอนที่พญาขร (พี่ชายของสำมนักขา) แสดงอิทธิฤทธิ์การต่อสู้กับพระรามกลับเป็นภาพขนาดเล็กและมองไม่ชัดเจน เมื่อเทียบกับรูปขบวนรถทรงยังดูเด่นกว่าการสู้รบเสียอีก ทำให้เห็นว่าภาพเล่าเรื่องของพระมหากษัตริย์ไทย อันเป็นบุคคลที่อยู่ในฐานะสมมติเทพโดยการเปรียบว่าเป็นพระราม จากภาพที่ประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ถ่ายทอดเรื่องราวอิริยาบถของผู้คนชีวิตในราชสำนัก สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่ไม่ได้มุ่งเน้นการสร้างภารกิจรบ ปราบยักษ์ สงครามแต่อย่างใด
  2. รามเกียรติ์สะท้อนสังคมจริง และสังคมอุดมคติ สังเกตจากภาพไม่แสดงถึงการรบในสงครามแต่เน้นการจำลองชีวิตในราชสำนัก เพื่อยกย่องพระรามคือ เทวราชา หรือสมมติเทพ พระรามคือกษัตริย์รัตนโกสินทร์สืบต่อจากอโยธยา ดูจากศิลปินวาดภาพพระราชวัง ป้อมปราการ ยอดปราสาท คล้ายคลึงกับกรุงรัตนโกสินทร์ ภาพซุ้มประตูเขียนว่ากรุงศรีอยุธยา และปรากฏรูปธงสีแดงรูปช้าง (ที่เคยเป็นธงชาติไทยมาก่อน) ประกอบกับภาพจำลองพระราชพิธีต่างๆ ที่วาดอย่างงดงามตกแต่งรายละเอียดแบบปิดทองดูโดดเด่นที่สุด เช่น พระราชพิธีอภิเษกสมรส การประลองกำลังยกศร การปลงพระศพ การเฉลิมฉลอง การประกอบพระเมรุมาศ ขบวนเสด็จที่เขียนรายละเอียดแบบพิธีจริง ทั้งหมดคือ พระราชกรณียกิจของกษัตริย์ ที่จิตรกรตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวภายในราชสำนักมากกว่าความสำคัญของเรื่องด้านการสู้รบ อภินิหาร อิทธิฤทธิ์ที่เป็นประเด็นหลักในวรรณคดี